ภาพจิตรกรรมฝาผนัง การถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ
ภาพจิตรกรรมฝาผนัง เป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่ง ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ
สวนลิงจิโกคุดานิ (Jigokudani Monkey Park) ตั้งอยู่ในจังหวัดนากาโนะ สวนนี้เป็นที่รู้จักในฐานะ “สวนลิงหิมะ” ที่มีหิมะตกสะสมมากที่สุด สวนลิงนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1964 และเป็นสถานที่ที่ลิงญี่ปุ่นสามารถอาศัยอยู่ได้โดยไม่สร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน
สวนลิงจิโกคุดานิ ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเต็มไปด้วยหิมะในช่วงฤดูหนาว ลิงที่อาศัยอยู่ในสวนนี้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมือนใคร คือ การแช่ออนเซ็น นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจึงเดินทางมาเยี่ยมชมสวนนี้เพื่อชมพฤติกรรมของเจ้าลิงแก้มแดง
หมู่บ้านโออุจิ จูคุ เป็นหมู่บ้านโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะ ที่จังหวัดฟุคุชิมะ ในปี ค.ศ.1640 หมู่บ้านนี้ถูกสร้างขึ้นในท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามและเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนแบบโบราณ ในช่วงฤดูหนาว หมู่บ้านนี้จะถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มี
บรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ
ในอดีต โออุจิ จูคุ เป็นเมืองที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งเพราะเป็นเส้นทางหลักในการคมนาคมและการค้า จึงเป็นแหล่งที่พักที่นิยมของเหล่าโชกุน ขุนนาง หรือพ่อค้าที่เดินทางระหว่าง เมืองไอสึ (Aizu) และเมืองอิไมชิ (Imaichi)
ปัจจุบัน หมู่บ้านโออุจิ จูคุ ยังคงถูกอนุรักษ์ไว้ให้ผู้ที่สนใจได้ไปเยือน และได้สัมผัสกับบรรยากาศของเมืองเก่า อาคารบ้านเรือนในหมู่บ้านนี้มีการมุงด้วยหญ้าคาหนาและมีการบูรณะให้เป็นร้านขายของที่ระลึกและของฝากมากมาย หมู่บ้านโออุจิ จูคุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ
ดังนั้น หมู่บ้านโออุจิ จูคุ ไม่เพียงแต่เป็นสถานที่ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในยุคเอโดะ แต่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีความสวยงามทางธรรมชาติ
วัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดทอง” หรือ “Golden Pavilion Temple” เป็นหนึ่งในวัดที่ส าคัญและสวยงามที่สุดในญี่ปุ่น วัดนี้ตั้งอยู่ในเมืองเกียวโตและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมาก
วัดคินคะคุจิ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า
“วัดโรคุออนจิ (Rokuonji Temple)” และเป็นวัดพุทธนิกายเซ็น วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก
(UNESCO) เมื่อปี ค.ศ. 1994
ตัววัดคินคะคุจิมีจุดเด่นอยู่ที่ศาลาสีทองซึ่งตั้งอยู่ริมบ่อน้ำ ตัวศาลาดั้งเดิมสร้างขึ้นในปี
ค.ศ. 1397 เพื่อเป็นที่พักของท่านโชกุนอาชิคางะ โยชิมิตสึ (Ashikaga Yoshimitsu) หลังสละราชสมบัติ หลังจากที่ท่านโชกุนเสียชีวิตก็ได้เปลี่ยนมาเป็นวัดแทน ตัวศาลาได้เกิดเพลิงไหม้จนเสียหายไปหลายครั้ง
สำหรับรูปแบบที่เห็นในปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1955
วัดคินคะคุจิ มีทั้งหมด 3 ชั้น โดย 2 ชั้นบนสุดนั้นมีการปิดด้วยทองคำเปลวจนเป็นสีทองอร่าม ส่วนชั้นล่างก็ยังเป็นคงใช้เป็นสีของไม้และปิดผนังด้วยสีขาวตามแบบฉบับวัดเซ็น
วัดคินคะคุจิ ยังมีชื่อเรียกเล่นๆ อีกว่า “วัดอิคคิวซัง” ซึ่งมาจากการที่ตัวศาลาสีทองนั้นเป็นฉากในการ์ตูนเรื่องอิคคิวซังนั่นเอง